เหตุผลร้อยแปดพันเก้าที่เราจะไม่เข้า startup อีกต่อไปปป…
อนึ่ง: บทความนี้ไม่ได้มีเจตนาจะพาดพิงใครหรือบริษัทใดๆทั้งสิ้น เป็นเพียง self-reflection ทบทวนตัวเอง จากมุมมองและประสบการณ์ของตัวเราเองคนเดียว ฟังความด้านเดียวก็ใช้วิจารณญาณกันให้ดีนะจ๊ะ
เอาจริงๆประสบการณ์ชีวิตเราก็ไม่ได้เยอะแยะอะไร เคยทำ Startup มาสองที่ Corperate ที่ fast-pace มากๆอีกหนึ่ง ส่วนตอนนี้เพิ่งย้ายมาอยู่ Corperate แบบ full-stream จริงจังเป็นครั้งแรก (เวลายังไม่นานพอ ไว้ครบปีจะมา reflect ใหม่ lol) ซึ่งที่เก่าๆล้วนทำอยู่ได้ประมาณปีเดียว (Corperate ก่อนหน้าต้องออกเพราะสมัครเรียนต่อไปก่อนหน้านั้น ไม่งั้นน่าจะอยู่ยาวกว่านี้) มุมมองที่จะแชร์วันนี้มันอาจจะตื้นเขินเกินไปสำหรับใครๆ ถ้ามีคอมเมนท์อะไรแชร์ได้นะคะ อยากฟัง : )
Startup ที่เราพูดถึงจะไม่ได้มีแค่ที่เราเคยทำงานในฐานะพนักงานเท่านั้น แต่จะรวมถึง Startup ที่เราเคยพูดคุยกับเพื่อนๆ พบเห็นหรือพบปะตามอีเวนท์ต่างๆ หรือแม้กระทั่งร่วมงานด้วยในฐานะต่างๆที่ต่างกันออกไป บางทีก็มีมุมภายในบ้าง ภายนอกบ้าง ปนๆกันไปเนอะ
ถ้าเข้าใจที่ชี้แจงมาทั้งหมดแล้ว ก็เข้าลิสต์เหตุผลที่เรามีกันเลยดีกว่าาา
Startup ต้องใจรัก
แหงล่ะ บ.เล็กๆส่วนใหญ่ เงินเดือนหรือสวัสดิการต่างๆก็สู้บ.ใหญ่ทุนหนาไม่ได้อยู่แล้ว เพราะงั้นเหตุผลหลักๆที่คนยังสู้กันต่อไป ส่วนตัวเราเลยว่าเพราะใจล้วนๆ ไม่รักที่ตัวงานตัวบริษัท รักที่ Product ก็รักที่ทีม คือเราว่าไม่ต้องรักทุกอย่างที่กล่าวมาก็ได้ แต่อย่างน้อยต้องมีซักอย่างที่ยึดเหนี่ยวจิตใจพนักงานคนหนึ่งๆเอาไว้
ซึ่งจริงๆเราว่ามันคือจุดเด่นของ Startup นะ ด้วยขนาดที่เล็ก เข้าถึงง่าย เปลี่ยนแปลงได้ง่ายกว่า ก็เลยมีศักยภาพที่จะหาจุดเด่นใดๆมา overcome benefit ต่างๆที่บ.ทั่วไปหยิบยื่นให้ เรามองว่าจุดนี้มันสำคัญ เวลาเข้าบ.มาแรกๆเลยจะรู้สึกว้าวมาก ทุกอย่างดูน่าเชื่อถือ Product เราจะรุ่ง ทีมเราก็ดี ความสัมพันธ์แข็งแกร่ง เราจะเติบโตไปด้วยกัน เย้ๆ…
เสียอย่างเดียว บางที่ก็ละเลยตรงนี้ไปจนสุดท้ายมันก็ไม่ได้ต่างจากบริษัทดาดดื่นแถมด้วยค่าตอบแทนที่ต่ำจนไม่น่าดึงดูด กลายเป็น statement ที่ว่า “ไม่ได้ซื้อด้วยเงินก็ซื้อด้วยใจ นี่ใจไม่ให้ เงินก็ไม่ได้ แล้วใครมันจะอยู่” แหละนะ
Startup VS SME
เหตุผลข้อที่สอง อันนี้ไม่รู้ว่าเป็นแค่ mindset ของคนไทย หรือบ.นอกๆก็เจอปัญหานี้เหมือนกัน แต่เรารู้สึกว่า “บางที่” Startup ที่ไทยมันก็แค่บ.เล็กๆทั่วไปที่พยายามยกระดับตัวเองอะ พอกระบวนการบริหารการทำงานต่างๆมันไม่ได้ผ่าน framework ที่ดี สุดท้ายก็กลับลูปไปทำงานตามใจเจ้าของ เหมือน SME ทั่วไป เถ้าแก่ว่ายังไงลูกจ้างจงทำตาม ซึ่งสุดท้ายมันไม่มีอะไรเลยเว่ย ตามหัวไปเรื่อยๆ เถียงไม่ได้ Discuss ไม่เกิดความหมาย เป็นระบบหัวเก่าโบราณทั่วไป
ซึ่งพอยิ่งขนาดบริษัทมันเล็ก การที่ career path ตันจะเกิดขึ้นได้ง่ายมากๆ พออยู่ถึงจุดนึงก็จะเห็นภาพแล้วว่าเราอยู่สูงสุดได้แค่นี้ บ.ก็ยังไม่โต จะก้าวขึ้นไปอีกก็ไม่มีที่ให้ยืนแล้ว แล้วจะอยู่ไปทำไมล่ะพี่น้องง
Startup ต้องว้าว!
อันนี้เห็นเหตุผลคนละด้านกับข้อตะกี๊ คือถ้าเป็นสาย Startup จริงๆ เน้นทำ mvp เน้น pitch idea ขายนักลงทุน สิ่งที่ต้องทำคือไอเดียต้องดี ผลงานต้องโดน โดดเด่นแซงใครๆเพื่อให้ได้มาซึ่งเงินลงทุน ซึ่งนั่นแหละ พอสปอทไลต์ไปจ่ออยู่ที่การขายไอเดีย มุมมืดที่ตกกระทบก็จะไปหล่นอยู่ไม่กี่จุดคือ 1.ทำจริงไม่ได้ หรือ 2.ทำจริงไม่ไหว
มันไม่เหมือนกันนะ ทำจริงไม่ได้คือไอเดียขายฝันหลั่นล้า อันนี้จะเห็นบ่อยๆจากคนที่ไม่มี tech background คือนู่นนี่ดีงามบานตะไท แต่เวลากะงบที่ให้มามันทำไม่ด้ายยยย ส่วนทำจริงไม่ไหว เราจะเจอจากคนที่มี tech background แทน คือคิดเยอะนั่นโน่น tool นั้นก็ดี stack นี้ก็ต้องมา เชื่อเรานะเราจะทำให้ product รุ่งโรจน์!!! …สุดท้ายคือ dev เยอะเกินไป ทำไม่ไหว เหนื่อยล้า ตัดงบตัดเวลา เผลอๆทำออกมาไม่มี user ไปอีก //นอนจย้า
Startup ได้ทำทุกอย่าง
อันนี้แล้วแต่บ.เลยนะ เคยเจอบ.ที่จ้างมาทำอะไร ก็ทำอย่างนั้นไป อาจจะมีให้ช่วยงานจุกจิกที่เราสนใจบ้าง แต่ก็ไม่ได้มากพอจะ backup คนที่อยากเปลี่ยนสาย แล้วก็เคยเจอบ.ที่ใจๆ กล้าให้ลุยกล้าให้ทำตามความสนใจไปเลยก็มี ที่เขียนเหตุผลข้อนี้ไว้เพราะคิดว่าหลายๆคนอยากมาทำ startup เพราะเชื่อว่าจะเปลี่ยนสายได้ง่ายกว่า แค่อยากให้ระวัง มันจะมีทั้งคนที่ยอมให้เราทำแบบนั้นจริงๆ กับคนที่เอาข้อนี้มาอ้างเพื่อชวนเชื่อบ้าง ใช้ให้เราทำงานเกินควรบ้าง ต้องระวังให้ดี ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน แล้วอยากทำอะไร ก็ต้องเข้าหาและไขว่คว้าเองด้วย ไม่ใช่รอให้พี่ๆหรือใครๆมาป้อนให้อย่างเดียวนะจ๊ะ
Startup ต้องเติบโต
เราจำได้ว่าตอนไปสมัครงานที่ใหม่ เราเคยให้เหตุผลที่ออกจากที่ก่อนว่า “เป็น startup ที่พยายามทำตัวเป็น corperate” เพราะสำหรับเรา startup ที่เราคาดหวังคือทีมเล็กๆที่อบอุ่นและเป็นกันเอง ซึ่งก็ไม่รู้ทำไม สุดท้ายพอบริษัทเริ่มโต เริ่มขยาย จะต้องดึงกฏเกณท์ corperate ต่างๆมาครอบให้ได้กันทุกที่ ส่วนนึงมันก็เข้าใจได้ว่าเพื่อเป็นการควบคุมและบริหารงานให้มีประสิทธิภาพ แต่อีกส่วนมันก็จะลักลั่นย้อนแย้งอยู่นิดๆ คือเอางานหนักเอาเงินเดือนน้อยของ startup มา แล้วเอากฏเกณท์เอาบรรทัดฐานของ corperate มา ซึ่งมันเป็นสองส่วนที่บริษัทได้เปรียบจากทั้งสองรูปแบบทั้งนั้นเลย ส่วนตัวเราเลยรู้สึกว่าโดนเอาเปรียบและไม่ได้ให้เกียรติกันเท่าที่ควร
นิสัยส่วนตัว
อันนี้โบนัสข้อแถม ส่วนตัวเราเป็นคนมีนิสัย structure พอประมาณ ชอบตีตารางเวลาให้ตัวเอง ไม่ชอบทำงานเกินเวลาเกินไป พวกปั่นงานข้ามคืนหรือ social activity ต่างๆของ starup ก็เลยอาจจะจอยไม่ได้ทั้งหมด (ถึงหลังๆก็กลับดึกตามใจตัวเองบ่อยขึ้นมากแล้วก็ตาม 555+) เลยรู้สึกว่านิสัยจะค่อนข้างตรงกับงาน corperate ที่มีการบริหารที่เป็นระบบมากกว่าอยู่นิดนึง
แต่เหตุผลจริงๆที่ดึงดูดเราไปจะเป็นเรื่อง career path มากกว่า ตอนนี้เรายังไม่แน่ใจในทางเดินของตัวเองและต้องการใคร หรือ structure ใดๆให้เรา look up to เห็นอนาคตทางเดินต่อไปได้ ซึ่ง startup ที่เราเจอช่วงนี้ก็มักจะอยู่ในเลเวลที่สูงกว่าเราไปไม่มาก ทำให้เราไม่รู้สึกมั่นคงพอที่จะอยู่ยาวๆเพราะทางข้างหน้าที่รับรู้ได้มันสั้นเกินไป ตอนนี้ก็คาดหวังว่าที่มาอยู่ที่ใหม่จะมีอะไรให้กระโดดโยกย้ายไปมากขึ้น ไว้ปีหน้าจะมาอัพเดทผลลัพท์อีกที -w-
อีกอย่างนึง startup ที่เราเจอมา มักจะมีการเรียนรู้ด้วยตัวเองซะเยอะ มันก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ดีไปทั้งหมดนะ เหมือนการที่เราเอาตัวเวล 1 ไปตีบอสอะ character นั้นจะเติบโตและแข็งแกร่งอย่างรวดเร็วก็จริง แต่สิ่งที่เสียไปคือ potion และ resource ต่างๆ ไม่นับรวมถึงความรู้สึกของคนๆนั้นด้วยนะ ถ้ายิ่งไม่ใช่ทางที่สนใจและอยากไป ก็เหมือนเอาคนๆนึงไปฆ่ากลางเวทีเปล่าๆ แถมก็ไม่รู้ว่าวิชาที่เรียนมาเองนั้นถูกผิดมากน้อยแค่ไหน สำหรับเรา การมี mentor ซักคนในช่วงเวลาที่หลงทางมันสำคัญจริงๆ
ทั้งนี้ ข้อดีของ startup ก็มีอีกมากมาย ทั้งทีมที่น่ารักและกลมเกลียว ทั้งระบบการทำงานที่ว่องไวไม่ชักช้า ฯลฯ แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่เราจะไม่ทำงานด้วยไง เลยไม่กล่าวถึง :p
และนั่นคือเหตุผลทั้งหมดที่นึกออก ย้ำอีกทีว่าไม่ได้จงใจดิสเครดิตใครยังไง แค่เป็นมุมมองจากคนที่ไม่อิน startup เฉยๆก็เท่านั้น เห็นด้วยหรือไม่ยังไงก็มาถกกันนะ :3
